+66 89 900 3944
Knowledge

           การทำ KM โดยที่ไม่มีเป้าหมาย แบบว่ามาจัด CoP จัด Sharing จัด Event เสมือนหนึ่งเป็นงานธุรการประจำปี ประจำไตรมาส โดยไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์และคิดอย่างเป็นระบบ มันก็มีประโยชน์บ้างนะ แต่มันน้อยมากมันไม่เกิด Value Added กับองค์กร พอจัดไปหลาย ๆ ครั้งคนจัดก็เบื่อ คน Share เซ็ง ก็ไม่รู้ว่าจะแชร์อะไร ก็ทำ ๆ ไปให้ได้ตาม Event เท่านั้น สุดท้ายผู้บริหารมาถามว่า Share เรื่องอะไร…..?? คนจัดก็ตอบว่าแชร์เรื่อง “ไก่ กา อาราเร่” แบบนี้ยังไงผู้บริหารก็ไม่รับหรอก…เพราะมันไม่ได้สะท้อนผลลัพธ์ไปยังองค์กร เพราะสุดท้ายคนทำ KM ต้องรู้ว่าอะไรเป็น Knowledge ขององค์กรมันต้องไล่มาจาก Personal Learning => Personal Journey => Process Improvement => Result => Organization Impact จนกลายมาเป็น Best Practices มันถึงจะมาทำ Sharing มาทำ Knowledge Assets.

          ดังนั้นคนที่จะบริหาร KM จะต้องทำเสมือนหนึ่งคุณกำลังบริหารระบบคุณภาพ (QM) คนที่ทำ KM จะต้องมีและตั้งเป้าหมายตาม Vision ขององค์กร ในอนาคตข้างหน้า KM จะกลายเป็นเสมือนหนึ่งระบบคุณภาพองค์กร ทุกวันนี้ในโลกเขานับถือองค์กรที่ทำระบบคุณภาพได้อย่างดีเยี่ยมบนพื้นฐานของ KM เขาเรียกองค์กรประเภทนี้ว่า “World Class” ดูอย่าง Shell ปัจจุบันไม่ได้ขายน้ำมันแต่เพียงอย่างเดียวแล้วนะเขาขาย Knowledge มันง่ายมากเลยเดินถือกระเป๋าใบเดียวกับ Knowledge ที่มีอยู่เต็มหัวขายกันที่หมื่นล้าน แสนล้าน ใครว่า KM ไม่มีความสำคัญ ในโลกปัจจุบันหรืออย่าง Apple, Samsung พวกนี้ใช้ Knowledge ในการ Drive องค์กรทั้งนั้น

          ดังนั้นมันต้องหาระบบอะไรบางอย่างให้ KM มันเกาะไปด้วยกัน ระบบที่ดีที่สุด เร็วที่สุดมันก็คือระบบบริหารคุณภาพขององค์กร (QM) ใน QM มันมี KM ฝังอยู่มันต้องไปแกะออกมา บางทีใน 100 เรื่องของงานคุณภาพอาจเป็น BP ซัก 10 เรื่อง แค่นั้นเองก็ได้นะ การถอดรหัส BP นี้อย่างที่เคยบอกไว้ในสองตอนแรกแล้วว่า ต้องใช้ Meteorology+Technology หลายอย่างในการไปค้นหามันออกมา

           คนที่จะไปค้นหามันออกมาในทาง KM ก็คือ Facilitator ….. และที่สำคัญของคือความเก่งของ Fa.จะต้องมีความรู้แบบสหวิทยาการ (Multidisciplinary) รู้เรื่องงานวิจัย รู้เรื่องการค้นหาคำตอบจากคำถามเชิงโครงสร้าง รู้จักทำ Focus Group รู้จัก Dialogue…….รู้ Process รู้ Business ขององค์กรเพื่อนำกลับไปเชื่อมโยงกับองค์กร และที่สำคัญต้องเขียนเป็นสรุปเป็น สรุปต้องครบเครื่องทั้ง สุ จิ ปุ ลิ คนแบบนี้จะหาได้สักกี่คนในองค์กร มันจะต้องสร้าง ต้องฝึกเพราะมันเป็นทักษะของ Facilitator

<div class="\&quot;text_exposed_root" id="\&quot;id_538b3399b06854472746769\&quot;" text_exposed\"="">

          จริง ๆ แล้ว KM เนี่ยใช้เวลานานมากเลยนะ ไม่ใช่ปีนี้เปลี่ยน ปีหน้าเปลี่ยน เหมือนไม้หลักปักขี้เลนแบบนี้มันไม่เกิดหรอก ต้องสร้าง Framework แล้วล้อไปกับระบบ Planning Quality ขององค์กร เป็น Planning KM ทำแบบเดียวกันเลย อย่าไปมองระบบสองระบบให้แตกต่างกัน ถ้าคนทำ KM ยังไม่เข้าใจไปแยกส่วนคิดว่า KM เป็นกิจกรรมนอกหลักสูตรเป็นงานฝากแบบนี้มันไม่รอดแน่

ตอนต่อไปจะเล่าเรื่อง คุณลักษณะสำคัญของ Best Practices และ คุณสมบัติของ Facilitator ที่จะทำให้การทำ Best Practices ประสพความสำเร็จ…….

 

 

 


Page: 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 [Next] [Last]